ธรรมย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม..
เป็นหัวข้อธรรมะที่พระอาจารย์ตั้งกระทู้ถามนักเรียนชั้น ป.๓ จากโรงเรียนวัดสามกอ ซึ่งได้มาขอให้ กศน.ตำบลสามกอ เป็นห้องเรียนธรรมะนอกสถานที่ในวันนี้ เนื่องจากเห็นว่า ห้องเรียน กศน.ตำบลสามกอ อยู่ในบริเวณวัด และมีโต๊ะ เก้าอี้ และโทรทัศน์ ETV พร้อมให้บริการ ที่สำคัญห้องสมุด กศน.ตำบลสามกอยังมีหนังสือธรรมะไว้ให้น้องๆได้มาค้นคว้าข้อมูลอีกมากมายโดยการรอบรวมของ อาจารย์บุญส่ง สุภีชะวี ค่ะ
วันนี้จึงรู้สึกยินดีและมีความสุข ที่ได้แบ่งปัน กศน.ตำบล ให้น้องๆได้มาใช้เป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อศึกษาธรรมะร่วมกัน
สื่บเนื่องจากรูปภาพ เก็บเกร็ดเกี่ยวกับหัวข้อธรรมมาอธิบายต่อ
จาก เว็บ http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=6ddaf001ce113db5
อธิบายหัวข้อธรรม " ธรรมย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม"
หากเราหมั่นเจริญสติคอยรู้ตัว เจริญปัญญาคอยรู้คิดพิจารณา
รวมถึงฝึกฝนคุณธรรมด้านอื่นๆ จนเป็นนิสัยฝังอยู่ในสันดาน
คุณธรรมเหล่านี้ย่อมช่วยให้เรามีความสบายใจทั้งในปัจจุบัน และวันต่อไปข้างหน้า
ตรงกันข้ามกับลาภ ยศ สรรเสริญ ซึ่งเป็นทรัพย์ภายนอก
ที่เราควบคุมเหตุปัจจัยได้เพียงบางส่วน
เมื่อใดที่หมดบุญเก่า (เช่นตาย) เมื่อใดที่บาปเก่าตามทันและให้ผล
เมื่อนั้นเราต้องพลัดพรากจากสิ่งเหล่านี้
(ผู้ที่มีสัมมาทิฐิคือเห็นว่าตายแล้วต้องเกิดอีก
ตราบเท่าที่ตัณหายังไม่สิ้นไปจากสันดาน
จะให้คุณค่ากับการพัฒนาจิตใจของตนเอง
มากกว่าการแสวงหาและรักษาทรัพย์สมบัติภายนอกที่ตายแล้วนำติดตัวไปไม่ได้
ผู้มีสติปัญญาย่อมเข้าใจว่าความสบาย ลาภ ยศ สรรเสริญ
เป็นเพียงผลพลอยได้จากการตั้งตนอยู่ในธรรม
เมื่อถึงคราวที่ต้องสูญเสียก็จะไม่รู้สึกเสียดายหรือหวงแหน
ตรงกันข้ามกับคนที่เมาความสบาย เมาลาภ เมายศ เมาสรรเสริญ
เมื่อถึงคราวสูญเสียก็ไม่สามารถทำใจยอมรับได้ และพยายามรักษาไว้โดยไม่เลือกวิธีการ
ไม่สนใจว่าสิ่งที่ตนทำเป็นการเบียดเบียนผู้อื่นหรือไม่
คนเช่นนี้ถือว่าขาดสติปัญญา ประพฤติในสิ่งที่เป็นโทษต่อตนเองด้วยความไม่รู้
แม้จะรักษาความ สบาย ลาภ ยศ สรรเสริญไว้ได้ชั่วคราว
แต่ก็ต้องพบกับความเดือดร้อนในภายหลัง
และเมื่อถึงคราวที่อกุศลให้ผล
ความสบาย ลาภ ยศ สรรเสริญ ก็ช่วยให้เขามีความสุขใจไม่ได้)
รวมถึงฝึกฝนคุณธรรมด้านอื่นๆ จนเป็นนิสัยฝังอยู่ในสันดาน
คุณธรรมเหล่านี้ย่อมช่วยให้เรามีความสบายใจทั้งในปัจจุบัน และวันต่อไปข้างหน้า
ตรงกันข้ามกับลาภ ยศ สรรเสริญ ซึ่งเป็นทรัพย์ภายนอก
ที่เราควบคุมเหตุปัจจัยได้เพียงบางส่วน
เมื่อใดที่หมดบุญเก่า (เช่นตาย) เมื่อใดที่บาปเก่าตามทันและให้ผล
เมื่อนั้นเราต้องพลัดพรากจากสิ่งเหล่านี้
(ผู้ที่มีสัมมาทิฐิคือเห็นว่าตายแล้วต้องเกิดอีก
ตราบเท่าที่ตัณหายังไม่สิ้นไปจากสันดาน
จะให้คุณค่ากับการพัฒนาจิตใจของตนเอง
มากกว่าการแสวงหาและรักษาทรัพย์สมบัติภายนอกที่ตายแล้วนำติดตัวไปไม่ได้
ผู้มีสติปัญญาย่อมเข้าใจว่าความสบาย ลาภ ยศ สรรเสริญ
เป็นเพียงผลพลอยได้จากการตั้งตนอยู่ในธรรม
เมื่อถึงคราวที่ต้องสูญเสียก็จะไม่รู้สึกเสียดายหรือหวงแหน
ตรงกันข้ามกับคนที่เมาความสบาย เมาลาภ เมายศ เมาสรรเสริญ
เมื่อถึงคราวสูญเสียก็ไม่สามารถทำใจยอมรับได้ และพยายามรักษาไว้โดยไม่เลือกวิธีการ
ไม่สนใจว่าสิ่งที่ตนทำเป็นการเบียดเบียนผู้อื่นหรือไม่
คนเช่นนี้ถือว่าขาดสติปัญญา ประพฤติในสิ่งที่เป็นโทษต่อตนเองด้วยความไม่รู้
แม้จะรักษาความ สบาย ลาภ ยศ สรรเสริญไว้ได้ชั่วคราว
แต่ก็ต้องพบกับความเดือดร้อนในภายหลัง
และเมื่อถึงคราวที่อกุศลให้ผล
ความสบาย ลาภ ยศ สรรเสริญ ก็ช่วยให้เขามีความสุขใจไม่ได้)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น